Monday, January 12, 2015

บทความตอนที่ 12: กลวิธีในการออกจากทุกข์ ขั้นต้น แบบสมาธิและแบบโยคะ

สวัสดีครับ

       ข้อสังเกตุ ในการเขียนบทความนี้คือ มีอยู่ระยะหนึ่งมีปัญหารบกวนจิตใจผมมาก จนน่ารำคาญใจ ยังไงก็ถอนไม่ออก ปกติจะใช้การออกกำลังกายเข้าช่วย แต่การทำงานตอนนี้ ไม่มีเวลาแล้วครับ ตื่นไปทำงานราวๆ 6 โมงเช้ากลับบ้าน เกือบ 2 ทุ่ม ชีวิตเปลี่ยนขนาดนี้ งงสิครับ

        แต่แล้ววันหนึ่ง ผมเพียงได้ดูหนังที่ชอบ แค่ต้นๆ เรื่อง ทุกข์ก็คลาย เปิดความสุข แบบสมัยก่อนกลับมาเฉยๆ และเป็นอยู่แบบนั้น นานทั้งวัน ก็ตกใจว่า เพราะอะไร

       ผมนั่งคิดก็นึกได้ระยะนี้ เรา นั่งสมาธิบ่อย ไม่ใช่เพราะ เพื่อหนีทุกข์นะครับ ผมทำมาก่อน ชีวิตเปลี่ยนในปี สองปีนี้ นานแล้ว เพราะผมคิดว่า

       ชีวิตนี้ เราได้เกิดเป็นคน นี่ ถือว่ามีบุญนะ แต่ก็ใช้ บุญกุศลไปเยอะนะ ไม่งั้นไม่ได้เกิดเป็นคนหรอก ยังประมาทอีก ชาติหน้า กุศลเหลือเท่าใดหว่า ใครกุศลมาก ยังมีอีกเป็นกระบุง ก็วางใจ แล้วคนที่น้อยจนปริ่มๆ ล่ะ จะทำไง

      มัวหลงระเริง แล้ว ชาติหน้าทำไงล่ะเนี่ย

      เคยได้ยินแนวคิดเรื่องกุศล ผลบุญ กฎแห่งกรรมนำเกิด แล้ว หนาวสะท้าน เชื่อไหม หากเวรกรรมมันตามทัน เป็นเทวดาอยู่ดีๆ หมดบุญ ลงมาเกิดเป็น หมา ก็เป็นได้ แล้วยังประมาทอีกหรือ

      ผมจึงทำสมาธิเป็นกิจวัตร เพราะ

1.ไม่ต้องลงทุน จัดเตรียมมาก
 2. ทำได้ในห้องพัก หรือ ทุกที่
  3. ทำบ่อยๆ พระท่านว่า ให้ผลมาก มีอานิสงส์มาก

  ผมต้องมาขึ้นรถก่อน 7 โมงเช้า เวลาตักบาตร ไม่มีครับ เสาร์อาทิตย์เอาไว้พักจริงๆ เพราะ เดินทางนี่ วันละ ราวๆ 3 ชั่วโมงรวมไปกลับ ชีวิตนั่งบนรถ เวลาว่างแทบไม่มี มีก็เอาไว้พักผ่อนแล้วครับ การนั่งสมาธิจึงเป็น อีกทางที่เหลืออยู่ ที่เราคว้าไว้ได้

     ส่วนการไม่เพิ่มกุศลเลย ไม่มีสำหรับผม เพราะอย่างที่บอก กลัวว่า ทุนชาติหน้าเหลือน้อยครับ เป็นคนดีๆ ไปเกิดเป็นหมา นี่ เซ็ง สมัยนี้เขาเลี้ยงดี มีเสริมนั่นนี่ กลายเป็น สุนัขอายุยืนไม่ตายง่ายๆ อีก เจ้าของเขาหวังดี แต่ หากเรารู้ว่าจะอยู่เป็น สุนัขนานๆ คนอย่างเราจะเอาหรือ จริงไหม

     และสำคัญ สมาธิ หากเราประคองดี ประคองเป็น มันประกัน ที่ไป หรือ สุขคติให้เราได้ ตามคำพระท่านว่า เช่น หากได้ ฌานขั้นต้นๆ ก็ พรหมขั้นต้นๆ ครับ อย่าเพิ่งว่า ผมเพ้อเจ้อ นี่มีอยู่ในพระไตรปิฏกน่ะครับ ผมศรัทธาว่ามีจริงๆ  สวรรค์ นรก มีจริง เทวดา พรหม ก็ต้องมีจริง ไม่งั้น คนกลับชาติมาเกิดจะมีได้ไงจริงไหม

        สมาธิขั้นต้น ฌาน 1 ก็ได้เป็น พรหมแล้วนะครับ เหมือนไม่มีอะไร เพราะพรหมมีหลายระดับ แต่พรหม สูงกว่า เทวดา เราข้ามไปได้ ตั้ง 6 ชั้นเลยนะครับ ตั้งแต่ชั้นเทวดา ฉกามาพจร ไปจน ปรนิมมิตตวะสวัสดี ข้ามไปเลย 6 ช้ัน เป็นพรหมเลย แล้วไม่ดีตรงไหน?

        บางคนว่า ไม่มีจริงหรอก ผมขอเถียง เอาง่ายๆ คนกลับชาติมาเกิด มีจริงนะครับ ฝรั่งเอาไปวิจัยกันโครมๆ เราคนเอเชีย เจ้าขององค์ความรู้ สวรรค์ นรกๆ แท้ๆ กระแดะ ทำเป็นไม่เชื่อ แซะงั้น บ้าจริงๆ

       เอ้ากลับเข้าเรื่อง พบว่า เพราะทำสมาธินี่เอง แม้จะยังไปไม่ถึงไหน ตามกำลังสติปัญญาที่ตอนนี้ยังน้อยๆ แต่ก็ได้อะไรมาพอควร สิ่งที่พบจากการทำสมาธิต่อเนื่อง สักราวๆ ครึ่งปี ถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น แบบยังไม่ได้ ฌานนะครับ มีดังนี้

   1. อาจเปลี่ยน ร้ายให้กลายเป็นดี ผมไม่ขอ โม้ แต่ต้องลองทำเอง นี่ล่ะผลจากที่พระท่านว่า ทำแล้วให้ผลมาก อานิสงค์มาก

   2. ผู้คนกลับจากเฉยๆ เป็นรักเรา จากรัก จะรักมากขึ้น จากเกลียด จะเว้นเรา

  3. สุขภาพดี เช่น นอนหลับสนิทขึ้น ร่างกายกระฉับกระเฉงขึ้น ช่วยให้อาการ เจ็บป่วย หายเร็วกว่าปกติ
      ตามแนวคิดการรักษาด้วยปราณ หรือ ชี่ จะรับรองไว้ว่า ร่างกายประกอบขึ้น ด้วย จิต กายทิพย์ กายหยาบ และการทำสมาธิจะรักษากับเพิ่มพลังกายทิพย์โดยตรง เมื่อกายทิพย์สดชื่น กายหยาบก็จะสดชื่น อาการเครียด นอนไม่หลับ ความดัน อะไรๆ จะทุเลาและหายได้ ยกเว้นกรณี เป็น โรคจากกรรมเก่า อันนี้ อาจเพียงทุเลาครับ

  4. มีพลังผลักดัน ที่ดันให้เราทำให้ชีวิตของเราให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ สังเกตได้ง่ายที่สุดจาก ห้องพักของคุณ ลองทำจะรู้เอง

  5.ทำสมาธิได้ง่ายขึ้นๆ ก้าวหน้าขึ้น

  6. มีโอกาสต่อยอดศาสตร์ทางจิต ได้ไปเรื่อยๆ

  เอาเท่านี้ก่อนครับ

     น่าจะเป็นสมาธินี่ล่ะครับ เพียงแต่ เราทำไว้มาก แต่ไม่รู้ตัว พอจิตมันไปจับกับสิ่งที่ชอบ พลังสมาธิก็อาจจะเคลื่อนไหว ไปทางนั้น สร้างความสุขได้อย่างประหลาด เพราะพลังสมาธิมากกว่าคนปกติ คือ ยังเป็นสมาธิขั้นต่ำมากๆ เกิดสุขจากการได้ทำตามความพอใจ ตัณหา นั่นเอง ทว่าในระดับฌาน จะสุขอีกแบบครับ มากกว่านี้เป็นพันๆเท่า

     แต่เพียงนี้มันก็สร้างความ ตะลึงให้เราไม่น้อย ผมไม่ได้สุขใจแบบนี้มาได้ราวๆ 8-9 เดือนแล้ว หลังเกิดอาการเจ็บหลัง และ ต้องย้ายที่ทำงาน

      มันยิ่งทำให้เรามีศรัทธา เพราะขนาดสมาธิชั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เจือตัณหา ยังให้เรากลับเป็นสุขได้ แม้จะเพียงราวๆ 24 ชั่วโมง แต่มันทำให้เราเกิดพลังใจ ว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มีจริงๆ ครับ

      เราจึงมั่นใจว่า ทำสมาธิแต่ยังอยู่ในโลกวัตถุได้ครับ

     ดังนั้นใครอยากจะมีสุข ที่หวนคืน ก็จงค่อยๆ ทำสมาธิ สักวันละ 10 นาที เพิ่มไปเรื่อย จนนั่งได้ ราวๆ 40 นาทีนี่ผมถือว่าผ่าน ทำต่อไปสักหลายเดือน คุณก็จะได้สุขของคุณคืนมาแบบผม และหากมีวาสนาก็เอาให้ได้ ฌาน แล้วทำวิปัสนาด้วย เอาให้ถึง โสดาบัน นิพพานได้ จะดีมาก

      อย่ามองสมาธิเป็นเรื่องของพระครับ เพราะสมัยโบราณ คนทำกันได้เยอะแยะครับ
(แต่วิปัสนา นี่ของพระจริงๆ เพราะมีเกิดได้จากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มีครับ)

   เอ้าอีกทางของฝั่งโยคะ ลองวิธีนี้ ครับ

แบบที่หนึ่ง ส่งความสุข ความปรารถนาดีให้ตัวเอง ระดับอณูเซลล์
โยคีโบราณ เขาทำแบบนี้

 1.นั่งทำสมาธิ เช่นกำหนดลมหายใจ เข้าออก เข้าท้องป่อง ออกท้องแฟบ ช้าๆ ให้ได้ สัก 30 นาทีขึ้นไป เน้นว่ามีสมาธิจริงๆ
  2. จากกำลังสมาธิที่เกิดในข้อ 1. ให้ หายใจเข้า ท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ ช้าๆ ตอนหายใจออกให้ คิดว่า ส่งพลังปราณ แห่งความสุข ความปรารถนาดี ไปทุกอณูเซลล์ ของคุณ ขอให้เซลล์เป็นสุข มีพลัง กระชุ่มกระชวย ให้ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีผลเสียครับ

  เชื่อกันว่า จะทำให้ ร่างกายสดชื่นมีความสุข โรคต่างๆ จะลดลงครับ สร้างสุขในขณะที่ทำได้ดีทีเดียว มีวิธีฝึกพลังจิตแบบนี้อีกเป็นสิบๆ วิธี วันหน้าจะเอามาถ่ายทอดกันครับ

    แต่จำไว้ว่า ให้ทำในขณะที่จิตเป็นสมาธิเสมอ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

No comments:

Post a Comment