Friday, December 26, 2014

บทความตอนที่ 9: สมาธิ ทำเป็นประจำ ย่อมดีแท้

สวัสดีครับ

        ผมมีข้อสังเกตุ บางประการ เกี่ยวกับการทำสมาธิ ซึ่ง ขอชี้แจงให้เห็น หลักพื้นฐานให้ผู้อ่านได้เข้าใจกันก่อน โดยจะมี สมาธิ 2 แบบ ดังนี้

  การทำสมาธิแบบ สมบัติกลางของโลก:

    ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ ชาวพุทธอย่างเราเข้าใจผิดสมบัติของเราเองผิดมาตลอด และจำนวนมากยังเป็นอย่างนั้น บางคนจนตายไปก็ไม่เคยรู้ เรื่องนี้สำคัญมาก เดี๋ยวว่ากันครับ

    ในอินเดีย หรือสมัยก่อนเรียกว่า ชมพูทวีป แต่บางคติเชื่อว่า โลกทั้งหมดในมิติของเรา เอ้าจะเป็นอย่างไรก็ว่ากันไปครับ

     ศาสนาในอินเดีย ส่วนมากจะมีการทำสมาธิ และมีหลักในการทำสมาธิ ที่ลึกซึ้ง เป็นวิชาที่ซับซ้อน กันทั้งนั้น เช่นของ ศาสนาพราหมณ์ และ พุทธศาสนา คนที่ปฏิบัติ หรือศึกษาสักหน่อยจะรู้ว่า นี่ล่ะคือหนึ่งของแก่นในศาสนา ไม่ใช่มีเพียงการอาศัยศรัทธา เพียงอย่างเดียว

      ต่อมาโลกเจริญขึ้น ก็เกิดการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ฝรั่งเริ่มเห็นพลังของสมาธิ และนำไปเผยแผ่ไปทั่วทั้งยุโรป เยอรมันนี่ผู้นำเลย และไปถึงสหรัฐ จนการปฏิบัติในแนวทางของโยคี ผ่านทาง โยคะ และ แนวทางการทำสมาธิ เป็นที่นิยมมากขึ้นๆ จนกลายเป็นเรื่องโด่งดัง และเราก็รู้ว่า ฝรั่งเขามีข้อดี คือ ชอบอะไร พี่ท่านจะกัดไม่ปล่อย เขาศึกษากันแบบเจาะลึก จนวันนี้ผมยังเชื่อว่า ฝรั่งหลายคนเก่งเรื่อง โยคะ และ เนื้อหาในศาสนาพราหมณ์ มากกว่า แขกตัวจริงในอินเดียเสียอีก

      เมื่อกระแสโลกมีเรื่องการทำสมาธิ มีการนำไปปฏิบัติแล้วเห็นผลมากมาย ศาสนาที่ไม่เน้นเรื่องสมาธิเลย ก็เริ่มมีการนำมาทำกันบ้าง คงกลัวตกกระแส และก็เริ่มกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป เมื่อผ่านไปสักหลายรุ่น เด็กเกิดใหม่ มันจะรู้อะไรครับ ถือศาสนาตามพ่อแม่ น่ะ ก็คิดว่า ศาสนาเราก็มีนี่หว่า การทำสมาธิ หารู้ไม่ ผู้สอนศาสนาบางคนไปเรียนมาจาก พระพุทธทาส ด้วยซ้ำ จนเริ่มมีคำพูดที่ว่า

          สมาธิ เป็นของกลางของโลก

        อืมกลางก็กลาง แต่มันไม่ถูกไปเสียหมดหรอกครับ เพราะ

   1. การทำสมาธิแบบพราหมณ์ มีเรื่องของ จักระ ต่างๆ อันเป็นขุมพลังในการดูแล ร่างกายและจิตใจของคน เขามีปรัชญาแบบนั้น

  2. การทำสมาธิ มีหลายรูปแบบ ของพุทธเรา มีตั้ง 40 อย่าง และเรื่องของ ฌาน 4 - 8 ซึ่งท่านถือว่าในสมัยพุทธกาล เป็นของกลางจริง พระพุทธเจ้าท่านก็ทำได้ทั้งหมด สมัยที่ออกแสวงหาทางแห่งการหลุดพ้นในปีต้นๆ ซึ่งตรงนี้ เราส่วนมากรู้จักการปฏิบัติผ่านการทำสมาธิ แบบ อานาปนสติ หรือ ที่นั่งขัดสมาธิ หายใจเข้าออกนั่นล่ะครับ นอกจากนี้ ก็มี กสิน, และอื่นๆ อีกมากมาย รวมแล้ว 40 อย่าง

 3. ออกไปจากอินเดียก็มีวิธีการทำสมาธิตามที่ต่างๆ ทั่วโลก อีกมากมาย

    จะอะไรก็ตาม รวมเรียกทุกข้อว่า  การทำสมาธิแบบ สมถภาวนาครับ


การทำสมาธิแบบพระพุทธศาสนาเท่านั้น:

        คือการกระทำที่่ผมคิดเองว่า คือสิ่งที่เรียกว่า เหนือสุดยอด มีล้ำเลิศ นั่นคือ ในทางฌาณ นั้นสุดๆ จะทำในศาสนาใด ที่ใดของโลก ฌาน 8 คือสูงสุด และมีเรื่อง อภิญญา เข้ามา คือไม่มีมากกว่านี้ และฌาณ 8 ใครได้ ก็ได้เป็นพรหมชั้นสูงสุดแน่นอน และสภาวะที่ไปเป็นพรหม ก็พาให้คิดว่า เป็นนิรันดร์ หลุดพ้น ซึ่งมันยาวนาน จนนับไม่ถ้วน คนยุคในสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า นี่หลุดพ้น นิพพานแล้ว

          แต่ธรรมชาติมักจะหลอกเราเสมอ ไอ้ที่ว่าใช่ มักไม่ใช่ ไอ้ที่ว่าเที่ยงมักจะหลอก ลองคิดถึงชีวิตประจำวันของเราก็ยังได้ ธรรมชาติเป็นแบบนี้ ดังนั้น ความที่พรหมจากผลของ ฌาน 8 จึงเป็นของแน่ ในสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า แต่มาพบว่า จริงๆ แล้วมันหลอกครับ เพราะพอหมดบุญกุศล ก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันใหม่ แบบนี้ ไม่นิพพาน

         จนพระพุทธเจ้าอุบัติ ก็ได้ให้กำเนิดวิชา วิปัสนา เป็นการทำสมาธิอีกแบบครับ เรียกว่า วิปัสนากรรมฐาน นี่ล่ะจึงบอกว่า มันไม่เหมื่อนกันหมดครับ วิปัสนาลึกซึ้งกว่ามาก และทำให้นิพพานได้ ครับ
เป็นทางเดียวเท่านั้น ลองไปหาอ่านกันดู  หากไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ ไม่มีใครในจักรวาลคิดไ้ดครับว่าทำอย่างไร นี่ล่ะของแท้  ศาสนาอื่นไม่มีครับ 1,000,000 %

       เอาล่ะพื้นฐานปูกันไปแล้วต่อมามาว่ากันในเรื่อง การทำสมาธิเป็นประจำดีอย่างไรครับ

  การทำสมาธิเป็นประจำจะเปลี่ยน อย่างน้อย 2 อย่างในชีวิตคุณ

        1.จิตใจ
        2.ร่างกาย

  ด้านจิตใจ ทำให้ความสุขที่หายไปนานกลับคืนมา สุขที่คุณจำไม่ได้แล้ว ผมเรียกเองว่า สุขแบบเด็กๆ คือในวัยเด็ก เราซน เราเล่น เราไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดอะไรมากมายเลย ตื่นมาไปเรียน ตั้งใจเรียน กลับบ้านก็เล่น พักผ่อน พอโตมา ก็มีเรื่องมากมายจนเราลิม และไม่เคยรู้สึกสุขแบบนี้อีก แต่การทำสมาธิทำให้เราสุขแบบเด็กๆ ได้อีก ลองทำกันดูครับ และยังมีผลต่อ วิธีคิด อารมณ์ และยังจัดการปัญหาในอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

  ด้านร่างกาย จะทำให้เกิดการปรับสภาพในร่างกายเองเพราะ ร่างกายนั้นมีผลมาจากจิตใจ เมื่อสัปดาห์นี้หรือก่อนนี้ มีผลวิจัยแล้วว่า เพียงคิดว่าเราออกกำลังกายจินตนาการให้เห็นภาพเป็นประจำ จะทำให้เราแข็งแรงได้  ลองไปหาอ่านกันครับ ขนาดทำให้ไขมันลด สร้างกล้ามเนื้อได้ แต่ตั้งใจคิดนะครับ แล้วการทำสมาธิ เป็นประจำ คุณสุขเหมือนไปรีสอร์ท ทุกวันตลอดปี ร่างกายคุณไม่ฟื้นฟูได้หรือ ในทางการรักษาด้วยปราณ เชื่อกันว่า จิตป่่วย การภายในป่วย แล้วต่อมากายจริงป่วยตาม ในทางตรงกันข้าม จิตแจ่มใส กายภายในแจ่มใส กายจริงก็แจ่มใสแข็งแรงตาม อย่าเพิ่ง งงครับ คิดเสียว่า เหมือน เปิดสวิชด์ไฟที่บ้านแล้วไฟติด แค่นั้นเลย ไม่ต้องแคร์ว่า หลอดไฟฝุ่นเกาะหรือเปล่า พอเปิดสวิชต์แล้วไฟติดเป็นพอ ครับ
เหมือนเป็น กฎจักรวาลแบบหนึ่ง

 
      การทำสมาธิง่ายๆ ทำไมไม่ทำกัน นี่ผมถามใครนี่ เพียงนั่งขัดสมาธ แบบคุณถนัดจะธรรมดา หรือ ขัดแบบเพชรอะไรก็ช่าง ให้คู้ขามาขัดสมาธ เป็นพอ คนอ้วนๆ เอาเท่าที่ทำได้ ครับ แล้วก็นั่งสมาธิ มือขวาทับมือซ้าย ยากตรงไหน โดยวันแรก ลอง 2 นาทีก่อนครับ

   นั่งได้ท่าทางเสร็จก็เริ่ม โดย หายใจเข้า นึกว่ามีลมหายใจลงไปที่ใต้สะดือสัก 1-2 นิ้ว ช้าๆ แล้วหายใจออกนึกว่ามีลมขึ้นจากใต้สะดือไปที่ปลายจมูกช้าๆ หายใจเข้านั้นท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ ง่ายๆ

    หายใจลึกๆ ยาวๆ ไม่ช้าเกินแต่ไม่เร็ว  ทำให้ได้ 2 นาทีพอแล้ว


     เพิ่มเวลาไปเรื่อยๆ จนทำได้ 30 นาทีเป็นว่าเล่น พอแล้วหากคุณพอใจเท่านี้

  สำหรับผมตอนที่หัดแบบนี้ระยะหลัง ผมไม่บริกรรมอะไรทั้งสิ้น ผมว่าตามตำรา ท่านว่า หายใจเข้าให้รู้ว่าเข้า ออกรู้ว่าออกคือเอาใจ สติ ตามลม ไม่มีบอกว่าให้บริกรรมอะไรเลย แค่นี้ก็ยากแล้วครับ เราจะเรียกว่าเป็นการทำสมาธิ ก็ต่อเมื่อ

       มีภาพของคนรักเข้ามา ต้องตัดออก เรื่องงานเข้ามาต้องตัดออก คิดอะไรขึ้นมาต้องตัดออก คุณคิดว่า 2 นาทีแรกที่ทำสมาธิ ในชีวิต คุณทำได้ไหม อย่าเพิ่งหัวเราะ ทำก่อนครับ แล้วคุณจะรู้สึก แล้วทำตั้ง 30 นาที นี่คุณจะไหวหรือ หากนั่งแล้ว ความฟุ้งซ่านประดังเข้ามาแล้ว จิตของคุณ สติไปอยู่กับเรื่องเหล่านั้น 30 หรือ 300 นาที คือการเสียเปล่า มันไม่ใช่สมาธิ ทำไม?

 เพราะมันคือ สิ่งที่ขัดขวางจากการทำสมาธิ หรือ นิวรณ์ 5

  คือ พยาบาท เช่น คิดโกรธ อาฆาตไอ้นั้น อีนี่

        กามฉันทะ  เช่น คิดถึงหนังนั่นสนุก กินนี่อร่อย สาวสวย และอื่นๆ

        ความง่วงเหงาหาวนอน คือ ขี้เกียจ เพลีย เบลอ ทำให้เสร็จๆไป

         ความฟุ้งซ่าน   คือ คิดทั้ง 3 ข้อข้างต้นและเรื่องอื่นๆ ทั้งคิดทั้งเห็นภาพ อะไรก็ไม่รู้

         ความลังเลสงสัย  คือ กูทำสมาธิไปนี่ มันดีจริงหรือว่ะ แบบนี้

หากขณะกำลังทำสมาธิ แล้วมี 5 ข้อครบ ก็ซวยครับ ทำเป็นร้อยปี ก็เสียเปล่าครับ คือเหมือนคุณซื้อเฟอรารี่ มาขับในซอยเล็กๆ นานวันอาจขับเก่ง เลี้ยวในซอยแคบๆ ได้ว่องไว แต่มันไม่ได้ใช้ศักยภาพจริงๆ ของเฟอรารี่ ใช้สามล้อถีบเอาในซอยก็ได้ แบบนี้

    หากทำไปนานปี แต่มีพลาดข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อประจำ ก็เหมือน เอาเฟอรารี่ออกจากซอย แต่ใส่น้ำมันเพียง 1 ใน 10 ของถัง ขับไปไม่นานต้องกลับไปเติมน้ำมัน เสียเวลาไปนานปี แต่ไปเที่ยวได้ไม่ถึงไหน

      ดังนั้นต้องทำแล้ว ลดนิวรณ์ลงไปได้เรื่อยๆ จนหมด จึงจะสมกับการปฏิบัติสมาธิ คนทำสมาธิได้ดี ไม่ใช่นั่งได้นานอย่างเดียว แต่นั่งแล้วมีคุณภาพเต็มหรือเกิน ร้อย ครับ

      ดังนั้นตอนทำสมาธิต้อง ละนิวรณ์ให้ได้ โดยผมมีเคล็ดลับในการตามทันนิวรณ์ 5 ดังนี้

1.เริ่มนั่งก็หายใจไปตามคำแนะนำข้างต้น อย่าได้หวังอะไรว่า ตูข้าจะพบ แสง พบโน่นนี่ เกิดความเย็นซ่าเหมือนเมื่อวันก่อน เกิดปฏิหาริย์ เกิดพลังลมปราณ จากคัมภีร์ 9 อิม/เอี๊ยง บ้าบอ ทำอย่างเดียวได้เท่านั้นคือ ตูข้า จะใช้สติ ตามลมหายใจ ไปเรื่อยๆ แบบทางสายกลาง หากมันจะเกิดอะไร มันเกิดเอง เหมือนกับ
การเอาอาหารเข้าปาก ยังไงต้องอิ่มเอง เราไม่ต้องไปคิดว่า ช้อนที่ 10 จะอิ่ม ช้อนที่ 30 จะอ้วก ไม่ต้องครับ กินมันต้องอิ่ม ทำสมาธิมันต้องได้สมาธิ จริงไหม

2. อย่าไปนึกกลัวว่านิวรณ์มีอะไรเด็ดขาด วิธีเอาชนะมันคือ ไม่คิดถึง แต่หากโผล่ออกมา เราเอาจิตเข้าไปจับและระลึกว่า นี่นิวรณ์ข้อใด แล้วลบมันออกไป มาอีกทำอีก เอาให้มันงง มันจะหายไปเอง

 เช่น นั่งๆ อยู่ ภาพสาวอวบอั๋น ขาวปรากฎ  ก็ให้คิดว่า นี่นิวรณ์ ข้อ กามฉันทะ นี่เวลาอะไร นี่เวลาทำสมาธิ จงไปเสีย ลบไปเสีย ง่ายๆครับ

       มันเหมือนกับ เวลาเราเข้าห้องน้ำกำลัง อึ คุณอยากกินข้าว หิวเพียงใด คงไม่มีใคร กินข้าวตอนที่ กำลังขี้ ใช่ไหมครับ นั่นล่ะ ง่ายๆ

      อย่าไปคิดถึงมันไว้ก่อน แต่ให้ มันปรากฏ แล้ว จัดการตรวจว่าเป็นนิวรณ์ใดแล้วลบมันไปเสีย

3. มีอิทธิบาท 4 ทำจิตใจให้ผ่องใส และทำสมาธิไป วันหนึ่งเห็นผลเองครับ

 4. ต้องปรับความคิดใหม่ เมื่อออกจากสมาธิว่า สมาธิไม่ได้หมายถึงตอนทำสมาธิ แต่สมาธิคือ วิถีชีวิตเหมือน อากาศที่ขาดไม่ได้ ขาดแล้วจะเป็นคนไม่เต็ม เป็นคนครึ่งสัตว์ ต้องมีทั้งตอนทำสมาธิและตอนไม่ได้ทำสมาธิ

5. จงประคองสมาธิ ไว้ตลอดวัน โดยยึดหลัก หลักเลี่ยงนิวรณ์ ลบมัน แบบมีสมาธิ ไม่ใช่ กดดันนะครับ แต่ใช้พลังสติ สมาธิ ตามจับมัน รู้ทันแบบนี้


      นี่ล่ะคุณจะได้ผลจากการปฏิบัติสมาธิ มหาศาลครับ เพราะข้อ 4-5 นั้น เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยคิดกัน เช้ามาทำสมาธิ เย็นทำอีก โอย เริ่มจะเลิศกว่าคนทั่วไป หารู้ตัวไม่ ตลอดวันตอนไปทำงาน ไปเรียน ทั้งอาฆาต โกรธ ลามกจกเปรต ขี้เกียจ งานการไม่ทำ ไม่สนใจเรียน คิดแต่จะหาความสุข ฟุ้งซ่าน และไม่เคยสนใจว่าสมาธิมันจะดีอย่างไร แต่พอกลับบ้าน ทำสมาธิ สงบเชียว นอน ตื่นมาทำอีกรอบ เท่านี้กูเหนือกว่าคนทั่วไป กูเริ่มจะเจ๋ง แบบนี้ไม่ไหวครับ คือ มันเหมือน

              รินน้ำใส่ขวดรั่วครับ

       มีผลดีก็ในขณะที่ยังทำสมาธิ แล้วคิดว่าทำรอดไปจนเป็นสิบปีใหม่ หากทำได้ คิดว่า เติมน้ำไปได้กี่ขวด เผลอๆ เติมได้ไม่เต็มขวดตลอดชีวิต แล้วมันคุ้มไหม จริงไหมครับ

    ดังนั้นเมื่อทำสมาธิ ตามเวลาที่กำหนด เป็นประจำแล้ว เมื่อออกจากสมาธิ ยังต้อง ประคองไว้ได้ตลอดวันอีกด้วยครับ แบบจิตใจแจ่มใสนะครับ พร้อมเพิ่ม พรหมวิหาร 4 และอิทธิบาท 4 เข้าไปด้วยครับผม

ลองนำไปทำกันดู

สวัสดีครับ

คุณบอลล์ :0)

ปล. ผู้ที่เคยเจ็บช้ำมาก่อน แต่ปรารถนามิให้ผู้อื่นเจ็บช้ำเช่นตน อาจเรียกได้ว่า มีพรหมวิหาร 4  :0)


     

 

No comments:

Post a Comment